มิคาอิล อันโตนิโอ กองหน้าของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เชื่อว่า เดแคลน ไรซ์ เพื่อนร่วมสังกัด เหมาะสมเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษคนถัดไป
ไรซ์ ซึ่งรับช่วงต่อปลอกแขนกัปตันเวสต์แฮมจาก มาร์ค โนเบิ้ล ก้าวมาเป็นอันมากหลักของทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต นับตั้งแต่เดบิวต์ในปี 2019
เขาโชว์ฟอร์มดีเลิศในศึกยูโร 2020 เมื่ออังกฤษได้รองแชมป์ รวมทั้งดาวเตะวัย 23 ปีถูกเลือกติดทีมชาติฝ่าศึกฟุตบอลโลกเป็นหนแรกด้วย
รวมทั้งหลังจากเป็นเพื่อนร่วมสังกัดมาหลายปี อันโตนิโอเชื่อว่า ไรซ์ มีคุณสมบัติในการแทนที่ แฮร์รี่ เคน สำหรับบทบาทกัปตัน “สิงโตคำราม”
เมื่อถูกถามว่า ไรซ์ จะเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษในอนาคตได้หรือไม่ อันโตนิโอ ตอบกับ SPORTbible “แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์”
“ตอนนี้เขายังเด็ก แต่ก็เป็นกัปตันทีมเวสต์แฮมด้วย คุณคงมองเห็นแล้วว่าตอนนี้เขาเป็นผู้นำแบบไหน เพราะว่าถ้าอย่างนั้นเขามีศักยภาพที่จะเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ”
“เขามีคาแร็กเตอร์, ตอนนี้เขารับหน้าที่กัปตันกับเวสต์แฮม เพราะว่าถ้าอย่างนั้นการสานต่องานนั้นที่ทีมชาติอังกฤษเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา”
“เขาลงเล่นมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย กับทีมชาติอังกฤษก็ด้วย รวมทั้งเมื่อ แฮร์รี่ อายุมากขึ้นเรื่อยๆ, ผมคิดว่าเขาเหมาะสมเป็นกัปตันคนถัดไปอย่างแน่นอน”
คาดว่า ไรซ์ จะประสานงานกับ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ให้ทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2022
เบลลิงแฮม โชว์ฟอร์มสะดุดตากับ ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาลนี้ รวมทั้ง อันโตนิโอรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มองเห็นอดีตมิดฟิลด์เบอร์มิงแฮมกับ ไรซ์ จับคู่แผงมิดฟิลด์
“พวกเขาคือบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ทั้งสอง, ขึ้นรวมทั้งลงในสนาม คุณจะมองเห็นได้ว่าตอนนี้ จู๊ด เบลลิงแฮม ทำประตูได้มากมาย” อันโตนิโอกล่าว
“เดค ไม่ใช่พวกจอมยิง แต่เป็นสายทำลายเกมรุก, เอาชนะได้ยาก พวกเขาเป็นทั้งยังนักฟุตบอลคุณภาพรวมทั้งศักยภาพสูง พูดตามตรงผมพูดว่ามีศักยภาพสูงคงไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะว่าตอนนี้พวกเขากำลังแสดงออกมาให้มองเห็นแล้ว”
รู้จัก ‘มิคาอิล อันโตนิโอ’ ว่าที่ผู้ท้าชิงรองเท้าทองคำ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้!
ถ้าหากถามถึงกองหน้าใน พรีเมียร์ลีก ที่ฟอร์มฮ็อตเป็นประจักษ์ชัดแจ้งที่สุด คงหนีไม่พ้นชื่อของ มิคาอิล อันโตนิโอหนึ่งในนักฟุตบอลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้จักประวัติส่วนลึกที่น่าสนใจของเขา
ดาวยิงเวสต์แฮม ยูไนเต็ดมีชื่อเต็มว่า มาคาอิล เกรกอรี่ อันโตนิโอเกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ปี 1990 ที่วอนส์เวิร์ธ อำเภอทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลเลี้ยงดูจากครอบครัวบริทิชผิวสี ที่มีเชื้อสายเดิมมาจากจาไมก้า
พ่อแม่ของอันโตนิโออาศัยอยู่ด้วยกันมานานกว่า 30 ปี รวมทั้งแม้ว่าเดี๋ยวนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงวัย 60 ถ้าหากลองคำนวณดู นั่นหมายความว่าพวกเขาได้ให้กำเนิดลูกชายคนนี้ในช่วงอายุหลัง 30 ปีแล้ว
อันโตนิโอถูกเลี้ยงรวมทั้งเติบโตมาในโซนใต้ของลอนดอน รวมทั้งย่าน วอนส์เวิร์ธ ที่เขาวิ่งเล่นมาตั้งแต่ยังเล็ก ช่วงหนึ่งถูกรายล้อมไปด้วยวัฒนธรรมที่แก๊งค์อันธพาลออกมาสร้างความวุ่นวายรวมทั้งหวาดกลัวชนิดประสบพบเห็นได้ทั่วๆไป
ในช่วงวัยเด็กของเขา เหตุการณ์ในระแวกแถวบ้านไม่ว่าจะเป็นทำร้ายร่างกาย ต่อย ใช้อาวุธมีดแทง ยิงกัน ดูเสมือนจะเป็นเรื่องปกติที่ไม่ได้แปลกอะไรเลยในวัยที่เขายังเป็นผู้เรียน เนื่องจากว่าเหตุการณ์ที่คนนอกคิดว่าป่าเถื่อนรวมทั้งเลวร้ายเหล่านี้ ตัวเขากลับมองเห็นมันกับตาตัวเองมาแล้วทั้งนั้น
“เพื่อนผมบางคนก็ถูกแทงตาย หรือหากแม้แต่บางคนก็ถูกยิงต่อหน้าต่อตาผม แต่ไม่ตายนะ ผมมองเห็นมาหมดแล้วจริงๆเชื่อผมสิ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นั่นเลย ที่คุณจะได้มองเห็นพวกแก๊งค์เหล่านั้นแสดงการกระทำเช่นปีศาจร้ายออกมาสู่ผู้บริสุทธิ์ ถ้าหากเป็นศึกระหว่างต่างแก๊งค์ก็เข่นฆ่าไม่หยุด” อันโตนิโอเคยกล่าวไว้กับเดอะ ซัน
“เมื่อเรื่องที่ว่ามีคนแถวบ้านถูกแทงเข้าหูใครสักคน เขาคนนั้นก็จะมีปฏิกิริยาตอบกลับไปว่า โอเค.. ถูกแทงถ้าอย่างนั้นหรอ? แล้วก็เดินจากไปเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องประหลาดเลยเมื่อได้ยินว่ามีคนถูกมีดแทง มีแต่คำถามหวังดีที่อยากรู้ว่าผู้รับเคราะห์เป็นอะไรมากหรือไม่? บาดเจ็บมากไหม? เพียงแค่นั่นแหละที่เป็นสนทนาปกติของที่นั่น”
ด้วยสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ไม่ดี ออกไปทางแย่เลยทีเดียว เด็กๆหลายคนในระแวกนั้นมีโอกาสสูงที่จะถูกชักจูงเข้าไปสู่หนทางที่ผิด แต่โชคดีที่สำหรับ อันโตนิโอแล้ว ฟุตบอลเสมือนสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประธานมาให้เขา มันช่วยฉุดเด็กน้อยคนนี้ออกจากตัวเลือกผิดๆรวมทั้งความหายนะที่ความไร้เดียงสาอาจจะพาเขาถล้ำลึกลงไปแบบกู่ไม่กลับ
แตกต่างจากนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษคนอื่น ๆ อันโตนิโอไม่ใช่เด็กที่วิ่งเล่นกับลูกฟุตบอลในสวนหลังบ้าน หรือตบเท้าเข้าสู่อะคาเดมี่ชั้นหนึ่งตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ เส้นทางนี้มันไม่ได้สวยหรู ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ที่จะได้เล่นให้กับสโมสรใหญ่ๆตั้งแต่เยาวชน รวมทั้งก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ ชีวิตเขาไม่ใช่แบบนั้น
เขาออกสตาร์ทรวมทั้งสัมผัสเส้นทางลูกหนังช้ากว่าเด็กทั่วๆไป อันโตนิโอมีอายุ 12 ปีแล้วในวันที่ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นนักฟุตบอลเยาวชน กับ ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด ศูนย์ฝึกอะคาเดมี่กึ่งอาชีพ ตั้งอยู่แถวเขตเมอร์ตัน เมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน
เขาฝึกฝีเท้ารวมทั้งศึกษาความชำนาญฟุตบอลกับที่นั่นนาน 6 ปี ก่อนที่จะสอดแทรกขึ้นทีมชุดใหญ่เมื่อฤดูกาล 2007/08 มาถึงตอนนี้ความมุ่งที่ต้องการจะก้าวขึ้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มกำลัง ไม่ใช่ความฝันพร่ำเพ้อของหนุ่มน้อยย่านชุมชนที่เต็มไปด้วยการมั่วสุมอย่างเขาอีกต่อไป
แม้จะไม่ใช่อะคาเดมี่ระดับชั้นนำหรือโด่งดังอะไร แต่ ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด ในนามสโมสรกึ่งอาชีพนี้ ก็เคยสร้างนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมาแล้วเช่นกันไม่ว่าจะเป็น อเล็กซ์ สเต็ปนี่ย์ อดีตผู้รักษาประตูระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ลงเล่นให้ต้นสังกัด เกิน 500 นัด หรือ ดาริโอ กราดี้ อดีตปราการหลังชาวอิตาลี ที่ผันตนเองไปทำหน้าที่กุนซือ ซึ่งได้คุมทั้ง วิมเบิลดัน, คริสตัล พาเลซ, ครูว์ อเล็กซานดร้า
อันโตนิโอไม่ต้องต้องใช้เวลานานในการสร้างความประทับใจ
รวมทั้งเป็นที่จดจำอย่างเร็วในวงการลูกหนังอาชีพ ในช่วงที่เล่นฟุตบอลกับทีมชุดใหญ่ใหม่ ๆเขามักจะถูกแฟนบอลเรียกว่า ‘อัลฟ่า เมล’ เป็นคำแสลงใช้เรียกบุคคล ผู้มีภาวะผู้นำรวมทั้ง มีความชำนาญทางการกีฬาสูง แข้งชายหนุ่มรายนี้มีจุดแข็งคือร่างอสูรกาย ที่ทั้งยังแข็งแกร่ง เร็ว รวมทั้งมีเทคนิคแพรวพราวอยู่ในคน ๆ เดียวกัน ความโด่งดังของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น หลังซัดไปถึง 33 ประตู จากการลงสนาม 45 นัด
การไต่ลำดับอย่างเร็วในทีมชุดเยาวชนของแต่ละช่วงอายุ ทำให้เขาเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของบรรดาแมวมองจากสโมสรต่าง ๆ จนถึงกลายเป็นที่พูดถึงรวมทั้งหมายปองจากหลายแห่ง ที่หวังอยากจะดึงตัวนักฟุตบอลร่างกายกำยำรายนี้ไปอัพสกิลต่อ
พรสวรรค์สูงแบบนี้ การอยู่สโมสรโนเนมย่อม ไม่ใช่เป้าหมายอยู่แล้ว อันโตนิโอคว้าโอกาสงามย้ายไปร่วมทีมกับ เรดดิ้ง ด้วยค่าเหนื่อย 25,000 ปอนด์ จากคำแนะนำของ บิลลี่ สมิธ อดีตกุนซือ ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด ที่ไปแนะนำให้ อลัน พาร์ดิว ซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการทีมของเรดดิ้ง สกิดทีมดังจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ให้เซ็นอันโตนิโอไปร่วมทีม
เขาโลดแล่นกับเรดดิ้งนาน 4 ปี แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสเล่นกับทีมเท่าไหร่ ถูกส่งยืมตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังกลับไป ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่มในปีที่สอง , เชลเทนแฮม ทาวน์ ,เซาแธมป์ตัน ,โคลเชสเตอร์ รวมทั้ง เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ รวมทั้งกับผลงานยิงไปได้เพียงแค่ 1 ประตู จากการลงสนาม 28 นัดให้เรดดิ้ง นั่นเท่ากับเส้นทางแรกกับ เดอะรอยัลส์ ดูเสมือนจะยังไม่เป็นไปตามอย่างที่ควรจะเป็น..
ปี 2012-2014 ได้เข้าไปร่วมค้าแข้งในสโมสร เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ อย่างเป็นทางการด้วยสัญญาถาวร ลงสนามมากกว่า 64 นัด ส่วน ปี 2014-2015 ย้ายซบ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ลงเล่นมากกว่า 50 นัด รวมทั้งปีนี้เองที่เขาสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นดีเลิศประจำฤดูกาลดังกล่าว
ฟอร์มที่เขาระเบิดกับฟอเรสต์ทำให้เจ้าตัวตกเป็นแคนดิเดทในการถูกดึงตัวขึ้นมาลองของในพรีเมียร์ลีก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ปี 2015 อดีตนักฟุตบอลนอกลีกสานฝันของตัวเองให้เป็นจริงด้วยการย่างเท้าขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดของประเทศ ซึ่งเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายไปมาก สำหรับเด็กที่เติบโตมาในย่านที่มีสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยอมทุ่มเงินถึง 7 ล้านปอนด์ในการดึงตัว มิคาอิล อันโตนิโอมาร่วมทีม ทำไมถึงใช้คำว่าทุ่มเงินกับราคานี้ ? เพราะว่าอย่าลืมว่าเขาไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีโปรไฟล์สวยหรือเกียรติประวัติน่าเชิดชูอะไรมากมาย แต่การลงทุนในคราวนี้มันก็ได้แลกเปลี่ยนมาซึ่งนักฟุตบอลฝีเท้าดีที่มีทั้งยังพลังงานเหลือหลาย ความเร็วสูง รวมทั้งสายตาอันเฉลียวฉลาดที่พร้อมพังตาข่ายคู่แข่งตลอดเวลา
ซีซั่นแรก ก็จัดการซัดไปถึง 8 ประตู จากการลงสนาม 26 นัด ในพรีเมียร์ลีก ทั้งยังยังมีทีเด็ดคือลูกทุ่มไกลที่ทำแสบใส่ทีมเล็กทีมใหญ่มาแล้ว แต่บางครั้งเขาก็ไม่ได้รับโอกาส แต่เจ้าตัวก็ยังอดทน เฝ้ารอวันที่จะได้พิสูจน์ตนเอง ยอมถูกโค้ชส่งลงไปเล่นแบ็คขวาก็เคยมาแล้ว เพราะว่ามีความเร็วรวมทั้งร่างกายที่แข็งแกร่งน่าจะช่วยเกมรับได้ เขากระทำตนติดดิน มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเล่นแบ็ค เล่นปีก หรือกองหน้า ก็พร้อมรับใช้ทีมเสมอ ขอเพียงแค่โค้ชเอ่ยปากสั่งมา
แม้จะถนัดเล่นในตำแหน่งปีก ทั้งยังยังถูกคิดว่าผู้เล่นอรรถประโยชน์เล่นได้ทั่วสนาม แต่ดูดังว่า อันโตนิโอเองก็มีสัญชาติญาณการทำประตูในตำแหน่งกองหน้าที่ไม่แพ้ใครเช่นเดียวกัน ยิงประตูสัมผัสเลข 2 หลักในช่วง 2 ฤดูกาลหลัง กระทั่งได้เปลี่ยนบทบาทเป็น ‘หมายเลขเก้า’ อย่างถาวร โดยเฉพาะในช่วงต้นซีซั่นนี้ที่เจ้าตัวแผลงฤทธิ์เป็นหัวหอกที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งบนลีกสูงสุดอย่างปฏิเสธไม่ได้
ดาวยิงร่างยักษ์ วัย 31 ปีฉลองการเปลี่ยนจากเบอร์ 30 มาใส่เบอร์ 9 ฤดูกาลนี้ ด้วยการทำประตูแซง เปาโล ดิ คานิโอ ตำนานขุนค้อนขึ้นเป็นผู้เล่นที่ยิงในพรีเมียร์ลีกมากสุดตลอดกาลของสโมสร รวมทั้งคว้าตำแหน่งผู้เล่นดีเลิศประจำสิงหาคม รวมถึงเดี๋ยวนี้นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกยิงไปแล้ว 5 ประตู พร้อมกับความหวังของเดวิด มอยส์ ว่าเจ้าตัวจะสามารถรักษาการเล่นที่มีประสิทธิภาพแบบนี้เอาไว้ถัดไปได้ยาวๆหรือถ้าหากให้ดีก็ขอให้จัดแจ่มๆแบบนี้ตลอดจนจบซีซั่น
ในมุมชีวิตรักของ อันโตนิโอไม่เคยถูกถ่ายทอดหรือพูดถึงเฉพาะหน้าสื่อ
เนื่องจากความรักของเขามันไร้เรื่องดราม่าที่คนต้องการอ่านบนข่าวหน้าหนึ่ง ภายใต้ภาพลักษณ์ของนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จรวมทั้งมีลักษณะท่าทางแฮปปี้ อันโตนิโอได้รับกำลังใจที่สำคัญจากภรรยาสุดที่รักที่มีจิตใจอ่อนโยนอย่าง เดบบี้ วิทเทิ้ล
ทั้งสองพบกันครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 สถานะจากเพื่อนสนิทค่อยๆเปลี่ยนเป็นคนรู้ใจ จนถึงกระทั่งกลายเป็นรักจริง รวมทั้งเมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ปี 2017 อันโตนิโอก็ได้สวมสูทตัวเนี๊ยบเข้าพิธีการวิวาห์กับแฟนสาวที่ เอ็กซ์คลูซีฟ คันทรี เฮ้าส์ สแตมฟอร์ดเชียร์ สถานที่ที่ใช้รับรองงานแต่งงานของเหล่าคนผู้คนที่มีหน้าตาในสังคม ก่อนต่อมาจะมีโซ่ทองคล้องใจ ลูก 3 คนแสนน่ารักอย่าง ไมค์ จูเนียร์ , ไมล์ส ,รวมทั้งไมร่า
ไม่มีใครสนใจว่าเขาเติบโตมาจากไหน เพียงแต่วันนี้ทุกคนรู้จักเขาในฐานะนักฟุตบอลตำนานขุนค้อนที่ทำประตูในลีกมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เส้นทางของเขาช่างน่าติดตามต่อรวมทั้งแน่นอนว่ามันไม่ได้หยุดไว้เท่านี้ สู้ต่อไป.. ความภาคภูมิใจใหม่ของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด รวมทั้งที่ขาดไม่ได้เลย ‘ทู้ดติ้ง แอนด์ มิตแช่ม ยูไนเต็ด’ จุดเริ่มของความแข็งแกร่งเกินต้านทาน